มุมมองการลงทุนรายสัปดาห์ 22 - 26 พ.ค.66

Highlight of the week

  • ประธานาธิบดี Joe Biden แสดงความมั่นใจว่าการเจรจาขยายเพดานหนี้กับฝ่ายค้านจะบรรลุข้อตกลงกันได้ทันเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของประเทศ แม้ว่าผู้นำฝ่ายค้าน Kevin McCarthy จะวิจารณ์การเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ก็ตาม
  • Tencent ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1Q/23 โดยการเติบโตของรายได้ดีที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี แม้กำไรต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของธุรกิจในกลุ่มอินเทอร์เน็ตที่ไม่สม่ำเสมอ โดยรายได้ประจำไตรมาสเพิ่มขึ้น 11% เป็นเกือบ 1.5 แสนล้านหยวน
  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ปธน. Biden กล่าวว่ากลุ่มประเทศ G-7 จะร่วมมือกันเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียด้วยการคว่ำบาตรชุดใหม่หลังการประชุม G7 ในครั้งนี้ ซึ่งตั้งเป้าจำกัดสินค้าที่สามารถใช้ในสนามรบ
  • ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน ส่งสัญญาณว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางอุปสรรคทางเศรษฐกิจ มูลค่าการซื้อปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้า หลังจากหดตัว 0.7% ในเดือนมีนาคม

ภาพรวมการลงทุนในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ดัชนี Fear & Greed Index ปิดที่ระดับ 67 จุดในโซน Greed จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 58 จุด โดยตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นหลังจากมีสัญญาณว่าการเจรจาการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯน่าจะหาข้อสรุปได้เร็วๆนี้ ประกอบกับตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯออกมาอ่อนแอกว่าคาด ทำให้ตลาดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีโอกาสเข้าสู่ recession และจะกดดันให้เฟดต้องกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปลายปีนี้

ส่วนในฝั่งยุโรปมีการประกาศตัวเลขภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ออกมาหดตัวมากกว่าคาดพอสมควรส่งผลให้ GDP ในไตรมาส 1/23 น่าจะถูก revised down อีกรอบ ส่วนจีนเองยังคงฟื้นตัวได้ไม่ต่อเนื่องเท่าที่ควรโดยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ยอดค้าปลีกก็ขยายตัวต่ำกว่าคาดเช่นกัน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปิดลบสวนทาง หลังจากยังมีความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกฯ สัปดาห์นี้ติดตามรายงานการประชุมเฟด รวมถึงดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสนใจ

ตลาดหุ้นโลก

อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น ตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มแสดงภาพความอ่อนตัว และความกังวลต่อกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคอีกระยะหนึ่ง จะเป็นปัจจัยที่ลดความ Hawkish ของธนาคารกลางสหรัฐฯลง โดยเราคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.25% อีกซักระยะ และมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯมีโอกาสเข้าสู่ภาวะ Mild Recession ขณะที่ตลาดหุ้นโดยเฉพาะกลุ่มเติบโต (Growth) ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในทุกๆรอบที่เกิดแรงเทขาย ทำให้เรามีมุมมองเชิงบวกกับหุ้นกลุ่ม Growth ที่เคยอ่อนไหวต่อการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงก่อน อีกทั้งผลประกอบการในกลุ่มเทคโนโลยีออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดในไตรมาส 1/23 แนะนำทยอยสะสมหุ้น Growth โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ซึ่งเราคาดว่าจะฟื้นตัวได้แข็งแรงในช่วงที่เหลือของปีจากที่ดอกเบี้ยเริ่มเปลี่ยนทิศ แนะนำ TMB-ES-GCG, TMBUSBLUECHIP และ ES-USTECH ทั้งนี้สำหรับนักลงทุนที่ยังกังวลความเสี่ยงที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอย เราแนะนำลงทุนหุ้นสไตล์ blended เพื่อช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวมลง เช่น ES-GDIV ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีผลการดำเนินงานสม่ำเสมอและเหมาะกับการเป็น Core Port

ตลาดหุ้นจีน

เราเห็นแนวโน้มเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีน หลังจากที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์ชุดใหม่มีนโยบายผ่อนคลายมาตรการ covid-zero อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2023 ขณะที่การปฏิรูปนโยบายด้าน Common Prosperity ที่เรากังกลไม่ได้ส่งสัญญาณก้าวร้าวอย่างที่คิด รวมถึงภาครัฐฯมีท่าทีผ่อนคลายกฎ three red line ในภาคอสังหาฯอีกด้วย นอกจากนั้นเริ่มเห็นการปรับคาดการณ์กำไรเพิ่มขึ้นสำหรับหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่ม Onshore และ Offshore ประกอบกับ Valuation ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ แนะนำเริ่มทยอยสะสมหุ้นจีนโดยเน้นไปที่หุ้นขนาดใหญ่ได้แก่ TMB-ES-China- A สำหรับกลุ่ม Onshore และ TMBCOF สำหรับกลุ่ม Offshore รวมไปถึงกลุ่ม Thematic ที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคของชาวจีนอย่าง T- PREMIUMBRAND และ TMB-ES-CHILL ซึ่งบริษัทที่ลงทุนเคยมีรายได้จากประเทศจีนราว 40-50% ก่อนเกิดโควิด-19 เป็นกลุ่มที่สามารถสะสมเพื่อเสริมพอร์ตในช่วงนี้

ตลาดหุ้นยุโรป

ตลาดหุ้นยุโรปเริ่มดูดีมากขึ้นหลังอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเริ่มชะลอตัวลง ส่งผลให้ ECB เริ่มลดความร้อนแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบล่าสุด อย่างไรก็ตามด้วยการที่อัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงยังคงเป็นแรงกดดันให้ ECB ยังคงต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกซักระยะ ประกอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคธนาคารยังคงปกคลุมความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ แม้ว่า Valuation จะค่อนข้างถูกในขณะนี้ เราแนะนำให้ wait & see ตลาดหุ้นยุโรปไปก่อน

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นขยายตัวสูงสุดตั้งแต่ปี 1981 ส่งผลให้ BoJ กำลังเริ่มเข้มงวดนโยบายการเงินเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยประคองทั้งค่าเงินและสถานะการคลังของประเทศ ทำให้การอ่อนค่าของค่าเงินเยนที่เคยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกของญี่ปุ่นและต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำกำลังจะหายไปในไม่ช้า ประกอบกับจะมีการเปลี่ยนผู้ว่าฯ BoJ ในซึ่งอาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวไม่ดีนักเช่นกัน ทำให้ญี่ปุ่นเป็นตลาดที่ต้องติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด แนะนำลดสัดส่วนในระยะสั้น

ตลาดหุ้นอินเดีย

เศรษฐกิจยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ธนาคารกลางรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ทำให้อัตราเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 6% ประกอบกับรัฐบาลมีการออกมาตรการต่างๆเพื่อควบคุมเงินเฟ้อเช่นกัน อย่างไรก็ตาม valuation ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชีย ประกอบกับมีโอกาสมีเงินทุนจะไหลออกมากขึ้นเนื่องจากขาดดุลการค้าต่อเนื่องและทำให้ค่าเงินอ่อนตัว แนะนำคงสัดส่วนกองทุน TMBINDAE

ตลาดหุ้นเวียดนาม

ตลาดหุ้นถูกกดดันจากการที่รัฐบาลเข้าปราบปรามการทุจริตและการปั่นหุ้นรวมทั้งผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แนะนำคงสัดส่วนสำหรับนักลงทุนระยะสั้น อย่างไรก็ดีการแทรกแซงของรัฐบาลและการเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่างเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีในระยะกลาง-ยาว ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวจากโควิด-19 อย่างแข็งแกร่งในเกือบทุกมิติ รวมถึง valuation ที่น่าสนใจในระดับ -2SD สำหรับนักลงทุนระยะยาวแนะนำใช้โอกาสที่ตลาดปรับฐานเพื่อสะสมกองทุน TMB-ES-VIETNAM

กองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs ไทยและสิงคโปร์

REITs ไทยและสิงคโปร์มีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากรัฐบาลทั้งสองประเทศลดความเข้มงวดของนโยบายป้องกันโควิดลงอย่างมาก พร้อมทั้งพยายามเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม REITs ไทยยังคงถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นซึ่งเราคาดว่าแบงก์ชาติมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้ง ขณะที่ REITs สิงคโปร์ ถูกกดดันด้วยการเข้มงวดนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทั้งนี้แม้อัตราเงินเฟ้อของทั้งสองประเทศเริ่มชะลอตัว แต่ Dividend Yield Gap ปรับตัวลดลงบางส่วนชดเชยกัน แต่ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจเทียบกับ REITs ของประเทศอื่นๆ แนะนำถือครอง TMBPIPF, T-PropInfraFlex

ทองคำ

เรายังมีมุมมองเป็นกลางกับทองคำแม้ว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยจากความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากทองคำมีทั้งปัจจัยหนุน เช่น สถานการณ์สงคราม และโอกาสการเกิดเศรษฐกิจถดถอย และปัจจัยกดดัน เช่น real yield กลับขึ้นเป็นบวก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกลับมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ

น้ำมัน

เรามีมุมมองเป็นลบกับน้ำมันมากขึ้นหลังเศรษฐกิจทั่วโลกส่งสัญญาณถดถอยอย่างชัดเจนและกดดันความต้องการใช้น้ำมัน แม้ว่าทาง OPEC+ จะประกาศลดกำลังการผลิตเพื่อตรึงราคาแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล ขณะที่การเปิดประเทศของจีนที่อาจทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันกลับเข้ามาก็ยังไม่ได้มีแรงหนุนที่ชัดเจนมากนัก

คำเตือน

  • ข้อมูล คำแนะนำบทวิเคราะห์ และการแสดงความเห็นต่างๆ ที่ปรากฎอยู่ในเอกสารฉบับนี้ ได้จัดทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ได้รับมาจาก แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้และให้ความเห็นตามหลักวิชาการเท่านั้นโดยไม่มุ่งหมายให้ถือเป็นการชักชวนหรือชี้นำให้ซื้อ และ/หรือขายผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนประเภทต่างๆ ตามที่ปรากฎในเอกสารฉบับนี้ และไม่ถือเป็นการให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนของบริษัทต่างๆ ตามที่ระบุหรือถูกกล่าวถึงไว้ในเอกสารฉบับนี้แต่อย่างใด ทั้งนี้ทีมงานไม่อาจยืนยันและรับรองความครบถ้วนสมบูรณ์หรือถูกต้องของข้อมูลดังกล่าวข้างต้นได้ และไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ทีมงานไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายในรายได้ หรือประโยชน์ใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกิดขึ้นจากการนำ ข้อมูล ข้อความ ความเห็น และ/หรือบทสรุปต่างๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใดๆ
  • ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารฉบับนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของทีมผู้เขียน มิได้เป็นความคิดเห็นอย่างเป็นทางการของ บลจ. อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ดังนั้น บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เอกสารควรใช้คู่กับหนังสือชี้ชวน
  • การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงในการลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับเงินลงทุนมากกว่าหรือน้อยกว่าการลงทุนเริ่มแรกก็ได้ และอาจไม่ได้รับชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนภายในระยะเวลาที่กำหนดหรืออาจไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามที่มีคำสั่งไว้
  • แม้ว่ากองทุนรวมตลาดเงินลงทุนได้เฉพาะทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีโอกาสขาดทุนได้ การลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตลาดเงินไม่ใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงจากการลงทุนซึ่งผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวน
This document is produced by Eastspring Investments (Singapore) Limited and issued in:

Singapore and Australia (for wholesale clients only) by Eastspring Investments (Singapore) Limited (UEN: 199407631H), which is incorporated in Singapore, is exempt from the requirement to hold an Australian financial services licence and is licensed and regulated by the Monetary Authority of Singapore under Singapore laws which differ from Australian laws.


Hong Kong by Eastspring Investments (Hong Kong) Limited and has not been reviewed by the Securities and Futures Commission of Hong Kong.


This document is produced by Eastspring Investments (Singapore) Limited and issued in Thailand by TMB Asset Management Co., Ltd.


Indonesia by PT Eastspring Investments Indonesia, an investment manager that is licensed, registered and supervised by the Indonesia Financial Services Authority (OJK).


Malaysia by Eastspring Investments Berhad (531241-U).


United States of America (for institutional clients only) by Eastspring Investments (Singapore) Limited (UEN: 199407631H), which is incorporated in Singapore and is registered with the U.S Securities and Exchange Commission as a registered investment adviser.


European Economic Area (for professional clients only) and Switzerland (for qualified investors only) by Eastspring Investments (Luxembourg) S.A., 26, Boulevard Royal, 2449 Luxembourg, Grand-Duchy of Luxembourg, registered with the Registre de Commerce et des Sociétés (Luxembourg), Register No B 173737.


United Kingdom (for professional clients only) by Eastspring Investments (Luxembourg) S.A. - UK Branch, 125 Old Broad Street, London EC2N 1AR.


Chile (for institutional clients only) by Eastspring Investments (Singapore) Limited (UEN: 199407631H), which is incorporated in Singapore and is licensed and regulated by the Monetary Authority of Singapore under Singapore laws which differ from Chilean laws.


The afore-mentioned entities are hereinafter collectively referred to as Eastspring Investments.


The views and opinions contained herein are those of the author on this page, and may not necessarily represent views expressed or reflected in other Eastspring Investments’ communications. This document is solely for information purposes and does not have any regard to the specific investment objective, financial situation and/or particular needs of any specific persons who may receive this document. This document is not intended as an offer, a solicitation of offer or a recommendation, to deal in shares of securities or any financial instruments. It may not be published, circulated, reproduced or distributed without the prior written consent of Eastspring Investments. Reliance upon information in this posting is at the sole discretion of the reader. Please consult your own professional adviser before investing.

 

Investment involves risk. Past performance and the predictions, projections, or forecasts on the economy, securities markets or the economic trends of the markets are not necessarily indicative of the future or likely performance of Eastspring Investments or any of the funds managed by Eastspring Investments.


Information herein is believed to be reliable at time of publication. Data from third party sources may have been used in the preparation of this material and Eastspring Investments has not independently verified, validated or audited such data. Where lawfully permitted, Eastspring Investments does not warrant its completeness or accuracy and is not responsible for error of facts or opinion nor shall be liable for damages arising out of any person’s reliance upon this information. Any opinion or estimate contained in this document may subject to change without notice.


Eastspring Investments (excluding JV companies) companies are ultimately wholly-owned/indirect subsidiaries/associate of Prudential plc of the United Kingdom. Eastspring Investments companies (including JV’s) and Prudential plc are not affiliated in any manner with Prudential Financial, Inc., a company whose principal place of business is in the United States of America.