บทสรุป
หลังจากที่ตลาดได้ทราบถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยแล้ว คาดว่าจุดสนใจของนักลงทุนจะเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับ “ตัวบุคคล” ไปสู่ “เนื้อหาของนโยบาย” ซึ่งปัจจัยหลังนี้จะเป็นตัวชี้วัดทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาวต่อไป ซึ่งนอกเหนือจากนโยบายต่างๆ ที่ต้องรีบผลักดันออกมาภายใต้เงื่อนไขและกรอบเวลาที่จำกัดแล้ว ยังมีเรื่องของความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยที่ยังถือว่าเติบโตต่ำกว่าประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน
การเรียกความเชื่อมั่นจากไลน์อัปรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
รัฐบาลใหม่ของคุณอนุทินส่งสัญญาณดึงคนนอกที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ พลังงาน และด้านต่างประเทศ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นต่อการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ การบริโภค และความเชื่อมั่นด้านต่างประเทศ ซึ่งในส่วนนี้เองอาจมีผลเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
คาดหวังดึงกำลังซื้อโค้งสุดท้ายปี 68 จากรัฐบาลใหม่
ด้วยกรอบเวลาการทำงานที่จำกัด ทำให้การริเริ่มโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ หรือ โครงการที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการระยะยาวเป็นไปได้ยาก ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ตลาดสามารถคาดหวังได้มากที่สุดจากรัฐบาลชุดใหม่ คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เห็นผลอย่างรวดเร็ว เป้าหมายหลักของนโยบายเหล่านี้ คือ การเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งอาจปรากฏในรูปแบบของโครงการที่ประชาชนคุ้นเคย และสามารถส่งผ่านผลกระทบสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยนโยบายเด่นด้านเศรษฐกิจที่ได้ประกาศตอนรับตำแหน่ง เช่น การลดภาระค่าครองชีพ การแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน การเสริมรายได้ให้กับผู้ประกอบการและชุมชนท้องถิ่น และการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เป็นต้น
กลุ่มหรืออุตสาหกรรมที่น่าจะได้ประโยชน์จากนโยบาย Quick Win ที่คาดว่าจะออกมา
- ค้าปลีก/บริโภค/อาหารและเครื่องดื่ม/สุขภาพ : คาดว่าน่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการหนุนกำลังซื้อให้กลับมาในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์เนื่องจากอิงกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นภายในประเทศ
- ท่องเที่ยว/โรงแรม/ขนส่ง : ได้ประโยชน์จากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจากการลดลงของความตึงเครียดตามแนวชายแดน ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาในช่วงไฮซีซั่นส์
ทิศทางตลาดหุ้นไทยโค้งสุดท้ายปี 2568
ปัจจุบัน SET Index สามารถกลับมายืนเหนือ 1,250 จุดได้จากในช่วงกลางเดือนมิถุนายน SET Index อยู่ที่ประมาณ 1,063 จุด ซึ่งปรับตัวขึ้นมาเกือบ 20% ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน ซึ่งหากไปดูระดับราคาของ SET Index ปัจจุบัน Forward P/E อยู่ที่ 14.1 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ 16.7 เท่า ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนคาดการณ์อยู่ที่ 89.6 บาท (ข้อมูล Bloomberg as of 9 Sep 25) มีการปรับขึ้นมาเล็กน้อยจาก 89 บาทในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่ามาตรการในเรื่องการกระตุ้นกำลังซื้อ และ ลดภาระค่าใช้จ่าย รวมถึงภาคการท่องเที่ยว จะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ประกอบกับนโยบายการเงินของไทยในช่วงที่เหลืออาจมีการดำเนินนโยบายการเงินต่อเนื่องเผื่อลดความเสี่ยงขาลง
อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงมาตรการที่หวังกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น รวมถึง Policy Gap ของนโยบายการเงินเริ่มลดลง อาจส่งผลให้การปรับตัวขึ้นต่อจากนี้ค่อนข้างจำกัด ในภาวะที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน การมี กลุ่มหุ้นปันผลติดพอร์ต อย่างกองทุน ES-DIV จะเป็นตัวช่วยรองรับความผันผวนด้านราคาได้อย่างน่าสนใจเนื่องจากได้ในส่วนของเงินปันผลมาชดเชยความเสี่ยงด้านราคาได้ในกรณีที่เกิดความไม่แน่นอนกับเศรษฐกิจไทยและในภาวะที่เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพ
กองทุนเปิดอีสท์สปริง หุ้นปันผล (ES-DIV) เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีประวัติการจ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar (ที่มา: Morningstar Direct Thailand ณ วันที่ 31 ก.ค. 2568) กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 6
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.eastspring.co.th/funds/mutual-funds/funddetails?fundcode=ES-DIV
ข้อมูล คำแนะนำบทวิเคราะห์ และการแสดงความเห็นต่างๆ ที่ปรากฎอยู่ในเอกสารฉบับนี้ ได้จัดทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ได้รับมาจาก แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้และให้ความเห็นตามหลักวิชาการเท่านั้นโดยไม่มุ่งหมายให้ถือเป็นการชักชวนหรือชี้นำให้ซื้อ และ/หรือขายผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนประเภทต่างๆ ตามที่ปรากฎในเอกสารฉบับนี้ และไม่ถือเป็นการให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนของบริษัทต่างๆ ตามที่ระบุหรือถูกกล่าวถึงไว้ในเอกสารฉบับนี้แต่อย่างใด ทั้งนี้ทีมงานไม่อาจยืนยันและรับรองความครบถ้วนสมบูรณ์หรือถูกต้องของข้อมูลดังกล่าวข้างต้นได้ และไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ทีมงานไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายในรายได้ หรือประโยชน์ใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกิดขึ้นจากการนำ ข้อมูล ข้อความ ความเห็น และ/หรือบทสรุปต่างๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใดๆ
ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารฉบับนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของทีมผู้เขียน มิได้เป็นความคิดเห็นอย่างเป็นทางการของ บลจ. อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ดังนั้น บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เอกสารควรใช้คู่กับหนังสือชี้ชวน
การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงในการลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับเงินลงทุนมากกว่าหรือน้อยกว่าการลงทุนเริ่มแรกก็ได้ และอาจไม่ได้รับชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนภายในระยะเวลาที่กำหนดหรืออาจไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามที่มีคำสั่งไว้
แม้ว่ากองทุนรวมตลาดเงินลงทุนได้เฉพาะทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีโอกาสขาดทุนได้ การลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตลาดเงินไม่ใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงจากการลงทุนซึ่งผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวน