เครื่องมือในการเริ่มต้น

เตรียมตัวคุณเองด้วยเครื่องมือการลงทุนขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เส้นทางการลงทุนราบรื่นยิ่งขึ้น และช่วยให้พอร์ตการลงทุนเติบโตแข็งแรงด้วยตัวคุณเอง

นี่คือ 5 ขั้นตอนที่ช่วยให้คุณเริ่มลงทุน ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีเวลานานให้เงินงอกเงย

ขั้นตอนที่ 1

กำหนดเป้าหมายของคุณ

มีเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง สามารถวัดผลได้ และสะท้อนเป็นจริง ช่วยให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่คุณจะเอาใจจดจ่อและบรรลุเป้าหมายได้ การเขียนเป้าหมายของคุณออกมาเป็นถ้อยคำ จะสามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จให้แก่คุณ

ขั้นตอนที่ 2

ตรวจดูความเสี่ยงที่คุณรับได้

สินทรัพย์บางประเภทผันผวนมากกว่าสินทรัพย์อื่นๆ แต่อาจให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า การมีสินทรัพย์ที่หลากหลายประเภทช่วยให้เส้นทางการลงทุนของคุณราบรื่น คุณอาจรับความเสี่ยงได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินของคุณที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น ค่าจ้างเพิ่มขึ้นมาก หรือมีสิ่งที่ได้มาแบบไม่คาดคิด อาจทำให้คุณทนทานต่อความเสี่ยงได้มากขึ้น แต่หากต้องออกจากงานหรือมีลูกที่เพิ่งคลอด ก็อาจจะทำให้ความทนทานต่อความเสี่ยงลดน้อยลง

ขั้นตอนที่ 3

เลือกการลงทุนของคุณ

การลงทุนประเภทต่างๆ มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน กองทุนรวมพันธบัตรหรือหุ้น สามารถให้ผลตอบแทนแก่คุณในรูปแบบของกำไรจากส่วนต่างของราคาและรายได้จากการลงทุน กระแสเงินสดแบบเป็นงวดๆ จะเป็นวิธีการชำระเงินคืนที่แน่นอน หากคุณต้องการความสม่ำเสมอ

ขั้นตอนที่ 4

จับตาพอร์ตโฟลิโอของคุณ

อย่าเฝ้าตลาดมากเกินไป จะทำให้คุณเกิดความกังวล และขายออกมาไม่ถูกจังหวะ โดยเฉพาะเมื่อตอนตลาดหุ้นตก โดยยังคงทำแบบเดิมต่อไป หากปัจจัยพื้นฐานการลงทุนไม่เปลี่ยน

เคล็ดลับ: หลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่เป็นเพราะตื่นตระหนกและใช้อารมณ์ จำไว้ว่าทำไมคุณถึงลงทุน และยึดมั่นอยู่กับแผน
ขั้นตอนที่ 5

ปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ดีขึ้น

ปรับปรุงพอร์ตการลงทุนของคุณอย่างน้อยปีละครั้ง เรื่องนี้เป็นประโยชน์ เพราะสถานการณ์ทางการเงินของคุณอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง เงินที่ได้มาแบบไม่คาดคิด การออกจากงาน มีเป้าหมายใหม่ ฯลฯ คุณสามารถพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณเกี่ยวกับโอกาสและความเสี่ยงใหม่ๆ ในตลาด

หุ้นอาจเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในมุมมองของนักลงทุน เมื่อคุณลงทุนในหุ้น คุณจะได้รับรายได้จากเงินปันผล (และกำไรจากส่วนต่างราคาหากคุณขายหุ้นแบบมีกำไร) เงินปันผลเป็นแหล่งผลตอบแทนที่สำคัญและสามารถช่วยให้พอร์ตการลงทุนของคุณแข็งแกร่งขึ้น คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความน่าสนใจของสินทรัพย์ประเภทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเงินปันผลในเอเชีย

เงินปันผลมีสัดส่วนที่สูงในผลตอบแทนของหุ้นในเอเชีย

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เงินปันผลคิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 46% ของผลตอบแทนรวมในเอเชีย ซึ่งมากกว่าในสหรัฐฯ1 เพราะฉะนั้น จงอย่าพลาด

ในเอเชีย เงินปันผลมีความมั่นคงมากกว่าผลประกอบการ

เงินปันผลให้เรื่องความมั่นคงเป็นหลัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดมีความไม่แน่นอน

เงินปันผลในเอเชีย ช่วยเรื่องการกระจายสินทรัพย์ลงทุน

แม้ว่ากลุ่มสาธารณูปโภคและโทรคมนาคมมักจะจ่ายเงินปันผลสูง แต่คุณสามารถรับเงินปันผลได้จากอีกหลายกลุ่มในเอเชีย เช่น กลุ่มการเงิน กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ กลุ่มวัสดุ กลุ่มอุตสาหกรรม ฯลฯ

เงินปันผลในเอเชียกำลังเติบโต

นับจากปี 2544 เงินปันผลต่อหุ้นในเอเชีย เพิ่มขึ้น 304%2 อันมีสาเหตุมาจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งขึ้น มีงบดุลที่มั่นคงมากกว่าเดิม และระดับหนี้ที่ลดลง

โอกาสที่จะได้รับมากกว่า

แม้จะไม่มีการรับประกันในเรื่องการจ่ายเงินปันผล แต่บริษัทในเอเชียก็สามารถจ่ายเงินปันผลได้มากขึ้น โดยจ่ายเงินปันผลคิดเป็นสัดส่วน 34% ของผลประกอบการ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดพัฒนาแล้วที่จ่ายในสัดส่วน 44% 3

เนื่องจากกลุ่มผู้เกษียณอายุมีความต้องการด้านรายได้ที่มาจากหลายแหล่ง ทำให้ความต้องการหุ้นปันผลยังมีสูง โดยภายในปี 2593 สัดส่วนประชากรมากกว่า 40% ในเกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง และสิงคโปร์ จะมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป4

พันธบัตร เช่นเดียวกับหุ้น ที่เป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินทรัพย์การลงทุนที่สำคัญ ถ้าพูดง่ายๆ พันธบัตรก็คือ "IOU" ระหว่างคุณ (ผู้ให้กู้) และบริษัทหรือรัฐบาล (ผู้กู้) พันธบัตรนั้นเป็นที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่าตราสารหนี้ มีดอกเบี้ยที่จ่ายให้คุณเป็นระยะๆ ซึ่งดอกเบี้ยนี้เองที่เรียกว่า "คูปอง" มาจากสมัยก่อนที่มีการออกพันธบัตรเป็นใบรับรองผู้ถือ และมีการพิมพ์คูปองแนบมาด้วยเพื่อใช้สำหรับการจ่ายดอกเบี้ยในแต่ละครั้ง มาดูกันว่าพันธบัตรมีความเหมาะสมกับการลงทุนของคุณหรือไม่

พันธบัตรมีความเหมาะสมกับการลงทุนของคุณอย่างไร

หากคุณต้องการได้รับการจ่ายผลตอบแทนที่มีความมั่นคงและสม่ำเสมอ พันธบัตรจะให้กระแสรายได้ที่คาดการณ์ได้ในแต่ละช่วงเวลาและมีความแน่นอน ยิ่งกว่านั้น หากถือครองไปจนครบกำหนดไถ่ถอน ผู้ถือพันธบัตรก็จะได้รับคืนเงินต้นทั้งหมด หากผู้ออกพันธบัตรนั้นไม่ได้ผิดนัดชำระเพราะมีปัญหาทางการเงิน

ประเภทของพันธบัตรที่คุณสามารถลงทุนได้

คุณสามารถเลือกที่จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือบริษัทเอกชน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแบกรับความเสี่ยงของคุณ หากคุณไม่ชอบความเสี่ยง พันธบัตรรัฐบาลถือเป็นตัวเลือกที่มีความเสี่ยงน้อย แต่คุณอาจต้องยอมทนรับกับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน พันธบัตรยังถูกให้คะแนนตามความน่าเชื่อถือทางด้านเครดิต การจัดอันดับให้พันธบัตรนี้จะช่วยให้คุณเลือกระหว่างผู้ออกพันธบัตรที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งกับรายอื่นๆ ที่มีฐานะด้อยกว่า

ตัดสินใจเรื่องกรอบระยะเวลาการลงทุนของคุณ

สิ่งสำคัญคือการกำหนดกรอบระยะเวลาสำหรับทุกการลงทุนที่เกิดขึ้นใหม่ เนื่องจากความต้องการของคุณจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา โดยทั่วไปแล้วพันธบัตรจะมีระยะเวลาที่ครบกำหนดการไถ่ถอน จึงช่วยให้คุณสามารถจับคู่กับความต้องการใช้จ่ายเงินก้อนในอนาคตได้ หากตรงกับวันครบกำหนดไถ่ถอนของพันธบัตร

บทบาทเสริมในพอร์ตการลงทุนของคุณ

พันธบัตรช่วยให้ประโยชน์จากการกระจายสินทรัพย์ที่หลากหลายมาสู่พอร์ตการลงทุนของคุณ และด้วยรายได้ที่มั่นคงจากพันธบัตรทำให้ช่วยลดความผันผวนจากราคาหุ้นได้ นอกจากนี้ ราคาพันธบัตรยังอาจเคลื่อนไหวไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหุ้น หรือไม่ปรับตัวแรงเท่ากับราคาหุ้น

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาพันธบัตร

พันธบัตรขึ้นชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะปราศจากความเสี่ยง ปัจจัยที่ถูกจับตามองมากที่สุดเพราะมีผลต่อราคาพันธบัตร นั่นคืออัตราดอกเบี้ย ราคาพันธบัตรจะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับอัตราดอกเบี้ย หากคุณเลือกที่จะถือพันธบัตรของคุณไปจนครบกำหนดวันไถ่ถอน คุณก็แทบไม่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ขึ้นลงเป็นรายวัน อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย

กลยุทธ์ผสมหลายสินทรัพย์สร้างพอร์ตการลงทุนที่นำรวมสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ไว้ในที่เดียว มาค้นหาคุณค่าของกลยุทธ์นี้

ทุกสภาพอากาศ

กลยุทธ์ผสมหลายสินทรัพย์มุ่งสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในทุกสภาวะตลาด แม้ในช่วงที่ตลาดปรับตัวลง

รอบคลุมกว้างขวาง

กลยุทธ์ผสมหลายสินทรัพย์มีลักษณะกระจายการถือครองไปในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ซึ่งรวมถึงเงินสด พันธบัตร หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนกระจายไปยังตลาดต่างๆ และด้วยหลากหลายรูปแบบการลงทุน

ะดวกสบาย

ด้วยการผสมผสานประเภทสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน จากหลายๆ ภูมิภาคเข้ามารวมอยู่ในพอร์ตการลงทุนเดียว กลยุทธ์ผสมหลายสินทรัพย์จึงนับเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการเข้าถึงการลงทุนที่มีความหลากหลายทั่วโลก

ปี่ยมด้วยพลัง ไม่หยุดนิ่ง

ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับระดับการเปิดรับความเสี่ยงของสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับวัฏจักรเศรษฐกิจเพื่อทำให้ผลตอบแทนดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการที่บริหารสินทรัพย์ผสมแบบเชิงรุก มักจะถือเงินสดและพันธบัตรมากขึ้น หากเขารู้สึกว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง และปรับเพิ่มการถือครองหุ้นมากขึ้นเมื่อเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะเฟื่องฟู

กองทุนรวมเป็นรูปแบบการลงทุนที่รวบรวมเงินจากนักลงทุนรายบุคคลเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ มาดูประโยชน์จากการลงทุนในรูปแบบนี้

การกระจายความเสี่ยง

กองทุนรวมช่วยให้คุณเข้าถึงสินทรัพย์และตลาดที่อาจไม่เปิดโอกาสแก่นักลงทุนรายย่อย นอกจากนี้ ยังรองรับความหลากหลายของสไตล์การลงทุน ไม่ว่าจะเน้นการเติบโต ดูโมเมนตัม คัดสรรเรื่องคุณภาพ เน้นเงินปันผล ฯลฯ

ทางเลือก

มีกองทุนรวมหลากหลายประเภท และนักลงทุนมีโอกาสมากมายในการเลือกกองทุนที่ตรงกับวัตถุประสงค์การลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเอง

ความสามารถด้านเงินทุน

กองทุนรวมหลายกองทุนสามารถซื้อได้ด้วยทุนเริ่มต้นและค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย นักลงทุนเพียงแค่จัดสรรเงินทุนในจำนวนน้อย แต่สามารถสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีประสิทธิภาพและมีความหลากหลาย

ความเชี่ยวชาญ

สัมผัสถึงพลังของผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมของทีมงานมืออาชีพ จึงไม่มีความจำเป็นที่นักลงทุนแต่ละคนต้องทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนที่สำคัญ

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาพันธบัตร

พันธบัตรขึ้นชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะปราศจากความเสี่ยง ปัจจัยที่ถูกจับตามองมากที่สุดเพราะมีผลต่อราคาพันธบัตร นั่นคืออัตราดอกเบี้ย ราคาพันธบัตรจะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับอัตราดอกเบี้ย หากคุณเลือกที่จะถือพันธบัตรของคุณไปจนครบกำหนดวันไถ่ถอน คุณก็แทบไม่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ขึ้นลงเป็นรายวัน อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย

การลงทุนทางเลือกนั้นแตกต่างจากการลงทุนแบบดั้งเดิมของคุณ (เงินสด หุ้น และพันธบัตร)

ครอบคลุมถึงสิ่งใด

สินทรัพย์ทางเลือกมีความหลากหลายและรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น เมล็ดพืช น้ำมันและก๊าซ) อนุพันธ์ เฮดจ์ฟันด์ และสินทรัพย์ที่จับต้องได้อื่นๆ เช่น โลหะมีค่า เหรียญหายาก ไวน์ งานศิลปะและโบราณวัตถุ

เพื่อกระจายความเสี่ยง

การลงทุนทางเลือกมักไม่มีความเคลื่อนไหวสอดคล้องกับการลงทุนแบบทั่วไป และมีความสัมพันธ์น้อยลงกับตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้

นี่คือเหตุผลที่ผู้ลงทุนประสบการณ์สูงมักจะรวมเข้าไว้ในพอร์ตการลงทุนของตนเองเพื่อให้เกิดการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น

เป็นทางเลือกที่ดี

การลงทุนทางเลือกไม่ใช่สำหรับทุกคน เป็นการลงทุนที่มีแนวโน้มซับซ้อนมากขึ้น (เช่น อนุพันธ์) มีสภาพคล่องที่น้อยกว่า (เช่น ศิลปะ) ประเมินมูลค่ายาก (เช่น เหรียญหายาก) การลงทุนทางเลือกบางประเภทจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นจำนวนมากเมื่อเทียบกับกองทุนรวมแบบดั้งเดิม

เคล็ดลับ: พูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณเพื่อดูว่ามีการลงทุนทางเลือกอื่นๆ ที่เหมาะกับพอร์ตการลงทุนของคุณหรือไม่

หากคุณสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่จำเป็นที่คุณต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ทางกายภาพ แต่สามารถซื้อหน่วยลงทุนของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) REIT เป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของและจัดการสินทรัพย์สร้างรายได้ ซึ่ง REITs มีข้อได้เปรียบที่สำคัญ

ความสามารถในการจ่าย

มีความแตกต่างจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพราะ REITs สามารถซื้อได้ด้วยจำนวนเงินเริ่มต้นเล็กน้อย เป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับความสามารถในการจ่ายมากขึ้น

การกระจายความเสี่ยง

คุณสามารถกระจายความเสี่ยงได้ตามทำเลที่ตั้งที่แตกต่างกัน และประเภทของอสังหาริมทรัพย์ ทั้งอพาร์ทเมนต์ สำนักงาน ไปจนถึงศูนย์การค้า โรงแรม โรงพยาบาล และคลังสินค้า

ความสัมพันธ์ในระดับต่ำ

กอง REITs มักจะมีแนวโน้มความสัมพันธ์กับหุ้นในระดับต่ำ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นกระแสรายได้ที่คาดการณ์ได้มากกว่า ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของราคา

การสร้างรายได้

เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ REITs ต้องจัดสรรส่วนแบ่งรายได้ที่ต้องเสียภาษีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 90% ในแต่ละปี คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับรายได้เงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจำนวนเงินอาจแตกต่างกันไปในแต่ลปี

สภาพคล่อง

ความสามารถในการซื้อและขายหน่วยลงทุน REITs ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ REITs เป็นตัวแทนที่มีสภาพคล่องของตลาดอสังหาริทรัพย์

ด้วยความสนใจที่เพิ่มขึ้นในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) กระแสความสนใจของผู้ลงทุนที่มีต่อกรีนบอนด์ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน มาเรียนรู้เพิ่มเติมกันในเรื่องนี้

สร้างผลกระทบ

กรีนบอนด์ หรือตราสารเพื่อสิ่งแวดล้อมถูกนำมาใช้เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหรือรีไฟแนนซ์สำหรับกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงพลังงานทดแทน อาคารสีเขียว / ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และโครงการต่างๆ ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน

“สีเขียว” ไม่ได้หมายความว่า “สิ่งใหม่”

กรีนบอนด์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกออกโดย European Investment Bank ในปี 2007 ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา ตลาดกรีนบอนด์ทั่วโลกก็ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยตลาดกรีนบอนด์ของเอเชียนั้นคิดเป็นสัดส่วน 27% ของตลาดกรีนบอนด์ทั่วโลก มีคาดการณ์ว่าตลาดนี้จะเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการที่ผู้กำหนดนโยบายได้สร้างแรงจูงใจในการออกตราสารประเภทนี้ด้วย

1 HSBC calculations, Dealogic, as of 20 January 2020.

“สีเขียว” ที่มีเฉดแตกต่างกัน

ในขณะนี้ยังไม่ได้มีข้อกำหนดที่ได้รับความเห็นชอบโดยทั่วไปที่จะสามารถชี้ชัดลงไปได้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้นเป็นสิ่งที่มีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมหรือไม่ และต้องเป็นในลักษณะใดจึงจะถูกตีความได้ว่าเป็นกรีนบอนด์ คำจำกัดความที่เป็นมาตรฐานจะช่วยให้เกิดความสอดคล้องและกระตุ้นให้มีความคืบหน้าในการลงทุนกรีนบอนด์ ซึ่งในปัจจุบันผู้กำหนดนโยบายในหลายประเทศ เช่น สหภาพยุโรป กำลังดำเนินการเพื่อสร้างกรอบที่เป็นมาตรฐาน

การกระจายในหลายแหล่ง หลากหลายประเภทธุรกิจ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดกรีนบอนด์ทั่วโลกมีความหลากหลายมากขึ้น สามารถดึงดูดบริษัท ธนาคาร และรัฐบาลจากประเทศต่างๆ ให้ออกตราสารในหลายสกุลเงิน

บริษัทต่างๆ สามารถออกกรีนบอนด์ได้โดยไม่จำกัดลักษณะการประกอบกิจการแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่นบริษัทผลิตพลังงานที่ต้องพึ่งพาถ่านหินเป็นอย่างมากอาจออกกรีนบอนด์เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนสำหรับการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่แหล่งพลังงานหมุนเวียน

ความเสี่ยงของบริษัทผู้ออกตราสารยังคงมีความสำคัญ

เช่นเดียวกับตราสารหนี้ทั่วไป กรีนบอนด์ยังมีความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกตราสาร ผู้ลงทุนจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับอันดับเครดิตของผู้ออกตราสาร ตลอดจนดูข้อมูลทางการเงินอื่นๆ ประกอบด้วย

"ความยั่งยืน" หมายถึงการตอบสนองความต้องการของเราในปัจจุบันโดยไม่ต้องแลกด้วยสิ่งที่จะทำให้สมกับความตั้งใจในภายหน้า

เป็นมากกว่า "กรีนบอนด์"

อันเกิดจากกรีนบอนด์จะช่วยเพิ่มความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ขณะที่ตราสารหนี้เพื่อสังคมก็ช่วยในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ อาหาร การศึกษา และโครงการอื่นๆ ที่สร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคม ส่วนตราสารหนี้เพื่อสร้างความยั่งยืนจะมีลักษณะผสมระหว่างกรีนบอนด์และตราสารหนี้เพื่อสังคม

ความหลากหลายที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าบรรษัทข้ามชาติจะเป็นผู้ออกตราสารหนี้เพื่อสังคมรายสำคัญ แต่หน่วยงานของรัฐ บริษัทเอกชน และสถาบันการเงินก็คาดว่าจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น1 มีการออกตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นด้วยในตลาดเกิดใหม่ แม้ว่ายุโรปจะเป็นตลาดใหญ่ที่สุด 2

คล้ายกันแต่ยังแตกต่าง

แม้ว่ารายได้ที่เกิดจากกรีนบอนด์ จากตราสารหนี้เพื่อสังคมและเพื่อสร้างความยั่งยืนนั้นจะมุ่งไปยังวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) แต่ภายในกลุ่มต่างๆ เองก็ยังมีความแตกต่างกัน โดยตราสารหนี้ได้ถูกจัดประเภทไว้ตามเป้าหมายสำคัญของโครงการหลักที่เกี่ยวข้อง

กรอบการทำงานที่พัฒนาไม่หยุดนิ่ง

ปัจจุบันมีข้อแนะนำต่างๆ3 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะพัฒนาต่อไปในการช่วยสนับสนุนเรื่องความโปร่งใสและความแข็งแกร่งของตลาด อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวังในตัวผู้ออกตราสารหนี้ที่บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับประเด็นทางสิ่งแวดล้อม ("greenwashing'') หรือผลกระทบทางสังคม ("social washing") สำหรับโครงการของตน

Sources:
1 Bloomberg. MSCI Asia Pacific ex Japan. April 2019.
2 Morgan Stanley. Jan 2019.
3 Bloomberg. DM: MSCI World. Asia: MSCI Asia ex Japan. Annual data. December 2018.
4 United Nations, Population Division: World Population Prospects – The 2017 Revision (based on medium variants), as at June 2017 future returns.

Sources:
1 S&P Global Ratings. A Pandemic-Driven Surge In Social Bond Issuance Shows The Sustainable Debt Market Is Evolving.
2 Year to date through May 31, 2020. Source: Bloomberg.
3 Green Bond Principles. Voluntary Process Guidelines for Issuing Green Bonds - June 2018. Social Bond Principles. Voluntary Process Guidelines for Issuing Social Bonds - June 2020. Sustainability Bond Guidelines – June 2018. These guidelines help govern the usage, management and reporting of the proceeds, as well as project selection.

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนของแต่ละกองทุน และข้อมูลอื่นๆ ในเว็บไซต์ www.eastspring.co.th อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนไม่ใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงในการลงทุน ผู้ลงทุนอาจได้รับเงินลงทุนมากกว่าหรือน้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกก็ได้ และอาจไม่ได้รับชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุน ภายในระยะเวลาที่กำหนด หรืออาจไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามที่มีคำสั่งไว้ การวัดผลการดำเนินงานของกองทุนบนเว็บไซต์นี้ ได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ซึ่งผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน